แม้จะประเดิมคว้า 3 แต้มในศึก เอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก ได้สำเร็จ แต่ชัยชนะของ ทีมชาติไทย เหนือศรีลังกาด้วยสกอร์ 1-0 นั้นกลับไม่ได้สร้างความประทับใจเท่าที่ควร ผลงานในสนามยังเต็มไปด้วยคำถาม โดยเฉพาะเรื่องความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย เกมรุกที่ยังไม่ลงตัว และระบบการเล่นที่ต้องการเวลาในการขัดเกลา วันนี้ TOPTOWIN จะพาเจาะลึก 5 ประเด็นสำคัญจากเกมนี้ ที่สะท้อนภาพรวมของทีมชุดนี้ได้อย่างชัดเจน
[ 1 ] อิชิอิเริ่มปรับผังให้สมดุล ไม่ฝืนใช้งานผิดตำแหน่งอีกต่อไป
มาซาทาดะ อิชิอิ เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์สำคัญด้วยการเลือก 11 ตัวจริงที่ดูมีเหตุมีผล และตอบโจทย์เชิงแท็กติกได้ดี โดยเฉพาะการตัดสินใจส่ง อิรฟาน ดอเลาะ ลงเล่นเป็นแบ็กซ้าย แม้เจ้าตัวจะถนัดเท้าซ้ายแต่ตำแหน่งถนัดจริงๆ คือมิดฟิลด์ ทว่าเขาเคยผ่านบทบาทฟูลแบ็กมาแล้วทั้งในระดับเยาวชนทีมชาติและสโมสร การเลือกใช้งานเขาจึงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด ผลลัพธ์ในสนามก็ถือว่าไม่เสียของ เขาทำหน้าที่ได้แข็งแกร่ง แม้จะไม่จัดจ้านแบบแบ็กธรรมชาติ แต่ก็มีประโยชน์ในเกมรับที่แน่นอนกว่าการฝืนใช้ผู้เล่นถนัดขวายืนผิดฝั่ง
แผงหลังยังคงยึด เอเลียส ดอเลาะ และ โจนาธาร เข็มดี เป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็กหลัก สร้างความแน่นอนในเกมรับได้เป็นอย่างดี ส่วน นิโคลัส มิคเคลสัน ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในแบ็กขวา ด้านมิดฟิลด์ก็คืนตำแหน่งให้กับ วีระเทพ ป้อมพันธ์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ โดยมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี คอยเติมความขยันเป็นลูกหาบในแดนกลาง
แนวรุกตอบโจทย์แฟนบอลด้วยการส่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ คุมเกมริมเส้น ขณะที่หอกตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ พาทริค กุสตาฟส์สัน ที่ฟอร์มดีกับทีมช้างศึกในช่วงที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ชวนให้แฟนบอลแปลกใจคือการที่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ไม่ได้รับโอกาส ทั้งที่เพิ่งโชว์ฟอร์มเด่นในเกมอุ่นเครื่องกับอัฟกานิสถาน
[ 2 ] ศรีลังกาไม่หมูอีกต่อไป ยุคใหม่ของกองทัพทองน่าจับตา
แม้อันดับ ฟีฟ่าแรงกิ้ง จะห่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ศรีลังกาชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่ง่ายอีกต่อไป พวกเขามาพร้อมโฉมใหม่ที่เสริมความแข็งแกร่งด้วยผู้เล่นลูกครึ่งจากยุโรปถึง 8 รายใน 11 คนแรก ไม่มีใครมาจากลีกท้องถิ่นแม้แต่คนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น นักเตะอย่าง อนุจัน ราเจนดรัม และ อัดหะวัน ราจาโมหัน ต่างเกิดในนอร์เวย์และสวีเดน ส่งผลให้ระดับพื้นฐานทางแท็กติกและร่างกายเหนือกว่าศรีลังกายุคก่อนหลายเท่าตัว ภายใต้การคุมทีมของ อับดุลเลาะห์ อัล มูตารี่ กุนซือจอมแท็กติกจากคูเวต ทำให้ศรีลังกากลายเป็นทีมที่เล่นเป็นระบบ กล้าไล่บีบในแดนบน และสร้างความลำบากให้ทีมชาติไทยอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งแรก
แค่ตัวอย่างเดียวก็ชัดเจนแล้วว่า ช้างศึกยิงได้จากความผิดพลาดของแนวรับศรีลังกาเพียงหนเดียว ขณะที่ตลอด 45 นาทีแรกแทบไม่สามารถขึ้นเกมได้เลย
[ 3 ] โอกาสมี…แต่ขาดความคม
ไทยมีโอกาสยิงถึง 12 ครั้งในเกมนี้ แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้เพียงลูกเดียว นั่นคือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าแนวรุกของทีมชาติไทยยังขาด ความเฉียบขาด โดยเฉพาะในจังหวะสุดท้าย
มีหลายช็อตที่ควรเป็นประตู — ทั้งการหลุดเดี่ยวของ พาทริค กุสตาฟส์สัน นาทีที่ 51, ลูกยิงชนเสาของ สุภโชค, จังหวะหลุดยิงของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ลงมาแทนพาทริค, โอกาสโล่งๆ ของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นาที 73 และอีกครั้งของธีรศักดิ์ที่จ่ายบอลพลาดในจังหวะดวลตัวต่อตัว
แม้จะต้องชื่นชม สุจัน เปเรรา นายทวารศรีลังกาที่โชว์เซฟสำคัญหลายครั้ง แต่ความจริงก็คือทีมชาติไทยควรจะปิดเกมให้ได้เด็ดขาดกว่านี้ การขาดกองหน้าคนไทยคุณภาพสูงในลีกที่ถูกเบียดด้วยต่างชาติคือจุดอ่อนที่เรื้อรัง หากไม่เร่งปั้นทายาทของ ธีรศิลป์ แดงดา หรือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน คนใหม่ อนาคตอาจต้องพึ่งโชคมากกว่าความสามารถ
[ 4 ] ระบบเริ่มชัด แต่ศูนย์หน้ายังไม่มีคำตอบ
หนึ่งในข้อดีของเกมนี้คือเราเริ่มเห็นแนวทางของทีมที่ชัดเจนขึ้น อิชิอิเริ่มมีโครงสร้าง 11 ตัวจริงในใจ มีการสร้างเกมจากแดนหลังมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้บอลยาวจาก ปฏิวัติ คำไหม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเห็นมากนักในอดีต
เซ็นเตอร์คู่หลักคือ ดอเลาะ-เข็มดี นั้นดูลงตัว และเป็นรากฐานของแนวรับที่มั่นคง มิดฟิลด์อย่าง ชนาธิป และ วีระเทพ เริ่มจับจังหวะกันได้ ส่วนปีกสองฝั่งยังคงเป็นพื้นที่ของศุภณัฏฐ์ และสุภโชค แต่ปัญหาใหญ่คือใครจะเป็นคนจบสกอร์?
ขณะนี้ยังไม่มีใครที่ดูมีศักยภาพพอจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ ธีรศิลป์ แดงดา ได้เต็มตัว ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งหาคำตอบให้ได้โดยเร็ว
[ 5 ] ชนาธิปยังคงเป็นตัวเปลี่ยนเกมระดับโลก
แม้คู่แข่งจะเป็นศรีลังกา แต่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังแสดงให้เห็นถึงคลาสของนักเตะระดับท็อป เขาคือคนเดียวที่แตกต่างในเกมนี้ การคุมจังหวะ, การเลี้ยงกินตัว, และโดยเฉพาะ คิลเลอร์พาส ที่สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่างน้อย 3 ครั้งแบบเน้นๆ
หากเพื่อนร่วมทีมสามารถจบสกอร์ได้เฉียบคมมากกว่านี้ “เจ” คงจะได้แอสซิสต์ติดไม้ติดมือแน่นอน เขาคือนักเตะแบบ แมตช์วินเนอร์ ที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เพียงชั่วพริบตา และหากเขายังรักษาความฟิตและฟอร์มเช่นนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง ทัพช้างศึกจะยังคงพึ่งพาเขาได้อีกยาว
TOPTOWIN ขอสรุปว่า แม้ชัยชนะครั้งนี้จะไม่สวยหรู แต่ก็เต็มไปด้วยประเด็นที่ควรนำไปปรับปรุง และอีกหลายสิ่งที่เริ่มเข้าที่เข้าทาง เกมต่อไปทีมชาติไทยต้องเฉียบคมกว่านี้ โดยเฉพาะในจังหวะสุดท้าย หากหวังจะทะยานสู่รอบสุดท้ายของเอเชียนคัพอย่างแท้จริง
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของทัพช้างศึกได้ที่ ฟุตบอลไทย TOPTOWIN พื้นที่ของคนรักบอลไทยตัวจริง!