ก่อนที่ ทีมชาติไทย จะลงสนามทำศึกนัดอุ่นเครื่องในช่วง ฟีฟ่าเดย์ มีนาคม 2025 พบกับ ทีมชาติอัฟกานิสถาน ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 21 มีนาคมนี้ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 20.00 น. (ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32, YouTube BG SPORTS และ TrueVisions NOW) เหล่าแฟนบอลไทยคงสงสัยกันไม่น้อยว่า “สิงโตแห่งโฆรอซอน” ทีมนี้มีของดีแค่ไหน วันนี้ TOPTOWIN จะพาทุกคนไปเจาะลึกทุกมิติ ทั้งประวัติศาสตร์, ฟอร์มล่าสุด, ตัวผู้เล่น และจุดแข็ง-จุดอันตรายของทีมจากเอเชียใต้ทีมนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แฟนๆ ได้รู้ทันก่อนเกมฟาดแข้งจะเริ่มต้นขึ้น
[1] ความสำเร็จในอดีต – บนเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ฟุตบอลอัฟกานิสถาน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับประเทศที่ผ่านความขัดแย้งทางการเมืองและสงครามกลางเมืองมาอย่างยาวนาน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาถูกจำกัด ส่งผลให้การพัฒนาของฟุตบอลในประเทศดำเนินไปอย่างล่าช้าและไม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังสามารถสร้างผลงานได้ระดับหนึ่งในเวทีระดับภูมิภาค โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการคว้าแชมป์ SAFF Championship หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งเอเชียใต้ในปี 2013 ซึ่งเป็นถ้วยแชมป์ที่สร้างความภูมิใจให้ชาติได้อย่างยิ่ง
ปัจจุบัน อัฟกานิสถาน อยู่ในอันดับที่ 156 ของ ฟีฟ่าแรงกิ้ง และเป็นอันดับ 29 ของโซนเอเชีย แม้จะยังไม่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายในศึก เอเชียน คัพ แต่พวกเขายังคงเดินหน้าพัฒนาทีมและผลักดันผู้เล่นสายเลือดใหม่อย่างต่อเนื่อง
[2] ผลงานในปี 2025 – ความเคลื่อนไหวที่ยังเงียบแต่ไม่ไร้พลัง
ตลอดปี 2025 จนถึงก่อนฟีฟ่าเดย์นี้ ทีมชาติอัฟกานิสถานยังไม่มีโปรแกรมลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการ ขณะที่ผลงานล่าสุดในปี 2024 พวกเขาลงเล่นทั้งหมด 6 นัด โดยเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียว แพ้ไปถึง 3 เกม
อย่างไรก็ดี ชัยชนะเกมเดียวที่เกิดขึ้น กลับเป็นการเอาชนะ อินเดีย ได้ถึงถิ่น ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่าหากประมาทเมื่อไหร่ อาจโดนเล่นงานได้ทุกเมื่อ แม้สุดท้ายพวกเขาจะไม่ผ่านเข้ารอบในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก แต่ฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในบางเกมยังแสดงให้เห็นว่าทีมนี้ไม่ควรถูกมองข้าม
[3] เฮดโค้ช – โตเชฟ นักวางหมากผู้มากประสบการณ์
ผู้นำทัพ “สิงโตแห่งโฆรอซอน” คนปัจจุบันคือ อุสมอน โตเชฟ อดีตกองกลางทีมชาติอุซเบกิสถาน ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024 โดยเขาเคยผ่านงานคุมทีมในเอเชียกลางมาแล้วหลายแห่ง โดยเฉพาะทีมชาติทาจิกิสถาน และสโมสรต่าง ๆ ในบ้านเกิด
แม้จะเพิ่งคุมทีมชาติอัฟกานิสถานได้เพียง 2 นัดแรก และยังไม่สามารถพาทีมเก็บชัยได้เลย แต่ด้วยวัย 69 ปี และประสบการณ์คุมทีมที่โชกโชน โตเชฟถือเป็นกุนซือที่ขึ้นชื่อเรื่องแท็กติกที่ยืดหยุ่น เขาสามารถสลับแผนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง 4-4-2, 4-3-3, 5-3-2 หรือ 4-2-3-1 ขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ในแต่ละนัด
ที่สำคัญคือเขาเน้นฟุตบอลเกมรุกเป็นหลัก สร้างความสนุกให้แฟนบอลได้เสมอ โดยสไตล์ของโตเชฟไม่ใช่แค่ปรับตามคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังสามารถปลุกเร้าให้ลูกทีมเดินหน้าไล่บี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
[4] ขุมกำลังปัจจุบัน – ดาวดังทั่วโลกแต่ไร้วันเดอร์คิด
ในชุดนี้ ทีมชาติอัฟกานิสถาน เรียกนักเตะมาทั้งหมด 22 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสโมสรต่างประเทศ ทั้งในยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นการรวบรวมแข้งเลือดผสมและนักเตะอพยพจากทั่วโลกกลับมารวมพลังเพื่อทีมชาติ
น่าเสียดายที่ไม่มีชื่อของ อามิน นาบีซาด้า ดาวรุ่งวัย 17 ปีจากทีมเยาวชน วัตฟอร์ด ในอังกฤษ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความหวังระยะยาวของชาติ อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้ยังมีแกนหลักหลายรายที่พร้อมลงบู๊เต็มที่
ผู้รักษาประตูเบอร์หนึ่งคือ โอวายส์ อาซีซี่ มือกาววัย 33 ปี จาก อาเรียน่า เอฟซี ลีกสวีเดน แนวรับมีชื่อของ อับดุล นาจิม ไฮดารี่ ที่เล่นในลีกเนเธอร์แลนด์ ส่วนกองกลางมีทั้ง ราห์มัต อัคบารี่ จากโกลด์ โคสต์ ไนต์ส ออสเตรเลีย และ โอมิด โปปาลซาย เพลย์เมคเกอร์จอมเก๋าจากอินโดนีเซีย
เกมรุกมีความหลากหลาย ทั้งกองหน้าตัวเป้าอย่าง ฟารีด ซาด๊าต จากบายังกาลา อินโดนีเซีย และปีกความเร็วสูงอย่าง เตาฟี่ ซาคันดารี่, โอมิด มูซาวี่ และ มูซาเวอร์ อาฮาดี้ ที่เล่นอยู่ในลีกยุโรปหลายประเทศ
[5] นักเตะเด่น – โอมิด โปปาลซาย จอมทัพผู้คุมเกมรุก
หนึ่งในผู้เล่นที่แฟนบอลไทยต้องจับตาให้ดีคือ โอมิด โปปาลซาย เพลย์เมคเกอร์วัย 29 ปี ที่เล่นให้ พีเอสไอเอ็ม ย็อกยาการ์ต้า แชมป์ลีก 2 ของอินโดนีเซีย ด้วยสถิติยิง 5 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ในฤดูกาลล่าสุด
โปปาลซายเกิดที่อัฟกานิสถาน แต่เติบโตที่เนเธอร์แลนด์ เขาจึงมีทักษะพื้นฐานที่ดี การสัมผัสบอลนุ่มนวล และมองเกมขาด เจ้าตัวลงสนามให้ทีมชาติมาแล้ว 42 นัด รั้งอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ของชาติ และมักจะเป็นผู้เริ่มต้นจังหวะบุกของทีมเสมอ หากปล่อยให้เขาได้คุมจังหวะ มีสิทธิ์สร้างความวุ่นวายให้แผงหลังไทยได้แน่นอน
[6] นักเตะน่าจับตามอง – เตาฟี่ ซาคันดารี่ อาวุธลับริมเส้น
แม้ยังไม่สามารถปลดล็อกสกอร์ในทีมชาติได้ แต่ฟอร์มของ เตาฟี่ ซาคันดารี่ ปีกวัย 25 ปี ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ ลี แมน แชมป์ลีกฮ่องกง ก็ทำให้เขาถูกยกให้เป็นนักเตะที่น่าจับตามองที่สุดในชุดนี้
ซาคันดารี่เกิดที่อัฟกานิสถานแต่ย้ายไปเติบโตที่อังกฤษ เขามีความสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ด้วยความเร็ว, เทคนิค และความคล่องแคล่ว เขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ในพริบตา แม้จะยังไม่มีประตูในนามทีมชาติ แต่ด้วยพัฒนาการและศักยภาพที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ก็เชื่อได้ว่าเขาไม่น่าจะรอนานก่อนจะได้ฉลองประตูแรกในสีเสื้อ “สิงโตแห่งโฆรอซอน”
ติดตามบทวิเคราะห์เข้มข้นและข้อมูลลึกจากวงในได้ที่ ฟุตบอลไทย TOPTOWIN