ศึก เอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือกรอบสาม กลุ่ม D กำลังเข้าสู่โหมดเข้มข้น และในเกมนัดที่สองซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 นี้ แฟนบอลไทยต้องจับตามองให้ดี เพราะ ทีมชาติไทย มีภารกิจสำคัญต้องยกพลออกไปเยือน เติร์กเมนิสถาน คู่แข่งร่วมสายที่เพิ่งเปิดหัวได้อย่างร้อนแรง ด้วยการเฉือน ไต้หวัน 2-1 เก็บ 3 แต้มเต็มเช่นเดียวกับช้างศึกที่เอาชนะ ศรีลังกา ไปได้แบบหืดจับ 1-0
จากตารางคะแนนล่าสุด (25 มีนาคม 2568) กลุ่ม D มี เติร์กเมนิสถาน นำเป็นจ่าฝูงตามผลต่างประตูได้เสีย +1 เท่ากับไทย แต่ยิงได้มากกว่า ส่วนไต้หวันและศรีลังกายังไม่มีแต้มติดมือหลังแพ้ทั้งคู่ ทำให้เกมระหว่างไทยกับเติร์กเมนิสถานในนัดที่สองนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะหากไทยบุกไปคว้าชัยได้ จะมีโอกาสสูงมากในการคว้าแชมป์กลุ่มและผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ ซาอุดีอาระเบีย 2027 ได้สำเร็จ
แต่อุปสรรคสำคัญของทีมชาติไทยในการเตรียมความพร้อมก่อนเกมนี้ก็ใช่ว่าจะน้อย เพราะมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพทีมในช่วงเดือนมิถุนายน
1. ไทยลีกปิดฤดูกาล – ฟอร์มอาจไม่ต่อเนื่อง
การที่ ไทยลีก ปิดฤดูกาลในช่วงก่อนเกมนี้ อาจทำให้นักเตะขาดความต่อเนื่องในการลงสนาม ฟอร์มการเล่นอาจไม่คงที่ และความฟิตลดลง ยิ่งหากยังไม่ทราบวันที่แน่นอนของรอบชิง เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ ก็ยิ่งยากต่อการวางแผนระยะยาว เพราะบางคนอาจได้พักมากเกินไป ขณะที่บางคนต้องกรำศึกหนักจนฟื้นร่างกายไม่ทัน
2. แผนเก็บตัวและการเรียกนักเตะ – ต้องวางหมากให้แม่นยำ
การเลือกนักเตะในช่วงลีกปิดเป็นโจทย์สำคัญ เพราะบางรายอาจยังไม่ฟิต บางรายไม่มีเกมแข่งขันต่อเนื่อง หรืออยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังฤดูกาลยาวนาน โค้ชทีมชาติจำเป็นต้องวางแผนเก็บตัวอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผู้เล่นที่พร้อมที่สุดทั้งร่างกายและจิตใจ
3. เรื่องการเดินทาง – ไม่ใช่แค่ใกล้…แต่ไกลและล้า
แม้จะมีเวลาเตรียมทีมมากขึ้นเพราะไม่มีแมตช์ในประเทศ แต่การเดินทางไปยัง เติร์กเมนิสถาน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ต่างแดน ไม่ว่าจะเป็น เจ ชนาธิป, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, หรือแข้งไทยที่เล่นในเจลีกและเคลีก อาจต้องเจอกับความล้าและการปรับตัวด้านเวลา การบริหารจัดการในช่วงเปลี่ยนโซนเวลาจะมีผลต่อประสิทธิภาพในเกมอย่างชัดเจน
4. สนามหญ้าเทียม – ด่านทดสอบที่ไม่ควรมองข้าม
จุดสำคัญที่อาจส่งผลต่อรูปแบบการเล่นของทีมชาติไทยคือเรื่องสนามแข่งขัน โดย เติร์กเมนิสถาน ใช้ Asgabat Stadium สนามเหย้าที่มีความจุราว 20,000 ที่นั่ง ซึ่งมีพื้นสนามเป็น หญ้าเทียม (Artificial Turf) สนามประเภทนี้แตกต่างจากหญ้าจริงโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องแรงดีดของบอล ความเร็ว และแรงปะทะ ซึ่งอาจทำให้นักเตะที่ไม่คุ้นชินเล่นผิดจังหวะหรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
5. เติร์กเมนิสถานมีเกมลีกต่อเนื่อง – ฟิตและพร้อมกว่า
แม้ลีกอาชีพของ เติร์กเมนิสถาน จะมีเพียง 8 ทีม แต่รูปแบบการแข่งขันจัดเต็มถึง 3 เลก ทำให้มีเกมลงสนามต่อเนื่อง นักเตะมีโอกาสฟิตเต็มร้อย มีความคุ้นชินกับสภาพสนามและสภาพอากาศในบ้านตัวเอง ต่างจากไทยที่อาจต้องรวบรวมความพร้อมเร่งด่วนหลังพักฤดูกาล
เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมดแล้ว การบุกเยือน เติร์กเมนิสถาน ในเกมวันที่ 10 มิถุนายนนี้ไม่ใช่งานง่ายอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะต้องเจอเจ้าบ้านที่ฟอร์มดีในเกมแรก ยังต้องต่อสู้กับสนามหญ้าเทียม สภาพร่างกาย และการปรับตัวหลังพักลีกยาว
นี่คือด่านทดสอบที่ ทีมชาติไทย จะต้อง “ผ่านให้ได้” หากหวังจะก้าวสู่ เอเชียนคัพ 2027 รอบสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่ม D อย่างเต็มภาคภูมิ
ติดตามบทวิเคราะห์ก่อนเกมสุดเข้มข้น และเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของทัพช้างศึกได้ที่ ฟุตบอลไทย TOPTOWIN พื้นที่ข่าวบอลที่แฟนบอลไทยไว้วางใจ!